Year: 2018

สมาคมนักกฎหมายสิทธิฯ ออกจดหมายเปิดผนึกถึงสถาบันตุลาการขอให้ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและตรวจสอบการใช้อำนาจตามประกาศ/ คำสั่ง คสช.

จดหมายเปิดผนึก วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ เรื่อง     ขอให้สถาบันตุลาการทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตรวจสอบการใช้อำนาจตามประกาศ/ คำสั่ง คสช. เรียน    ประธานศาลฎีกา           ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมทั่วประเทศ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) เป็นองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมหลักนิติธรรม ความเป็นธรรมในสังคม และปกป้องสิทธิมนุษยชน  ผ่านการใช้มาตรการทางกฎหมายและการดำเนินคดี รวมถึงการผลักดันนโยบายต่างๆเพื่อให้บรรทัดฐานทางกฎหมายสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และก่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม  โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประเด็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม (Right to Fair Trial) สมาคมฯเห็นว่า สถาบันตุลาการเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยและเป็นกลไกสำคัญในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน  และช่วยสร้างหลักประกันว่าทุกคนที่ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมตามมาตรฐานสากล  ฝ่ายตุลาการยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้มีหลักประกันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายบริหารได้ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมตามที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศหรือไม่ ตลอดระยะเวลา ๔ ปีที่ผ่านมานับแต่มีรัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการออกประกาศและคำสั่งที่จำกัดและละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยอ้างว่ามีฐานะเป็นกฎหมาย หากจะยกเลิกประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวได้จะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ  ตลอดเวลาที่ผ่านมา คสช. ไม่ได้มีท่าทีว่าจะยกเลิกประกาศหรือคำสั่งเหล่านั้นไปแต่อย่างใด และได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือจำกัดและคุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐอยู่เสมอ อันเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และพันธกรณีระหว่างประเทศที่รัฐไทยเข้าเป็นภาคี โดยเฉพาะกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ […]

Joint Statement : Review and Drop Charges against Page Administrator and Twelve other Individuals for Posting Alleged Koh Tao Tourist Sexual Assault

Pursuant to the media coverage that arrest warrants from Samui Provincial Court, No. 65-77/2561, dated 3rd September 2018, have been issued for the CSI LA Facebook page administrator and other people, totally, twelve individuals, who shared information regarding Samui sexual assault allegation, for dishonesty or deceitfully bringing into a computer system computer data which is […]

เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฏีกาคดีฆาตกรรมอำพรางวัยรุ่นกาฬสินธุ์ปี 2547 เหตุจำเลยที่ 5 ไม่มาศาล

วันนี้ ( 6 กันยายน 2561)​ เวลา 09.30 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆาตกรรมอำพรางนายเกียรติศักดื์ ถิตย์บุญครอง ช่วงสงครามยาเสพติด คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3252/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2600/2555 อย่างไรก็ดี วันนี้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นอดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ไม่มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา ศาลได้สอบถามทนายจำเลยที่ 5 ทนายแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อจำเลยที่ 5 ได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 5 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดี จึงถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 5 และให้เลื่อนไปฟังคำพิพากษา วันที่ 11 ตุลาคม 2561 เวลา 9 นาฬิกา คดีดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ และมีบิดาผู้เสียชีวิตเป็นโจทก์ร่วม โดยมีทนายความจากสภาทนายความและสมาคมนักกฏหมายสิทธิมนุษยชนใก้การช่วยเหลือ โจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย […]

แถลงการณ์ : ให้ทบทวนและยุติการดำเนินคดีแอดมินเพจและบุคคล 12 ราย กรณีเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนเรื่องการละเมิดทางเพศต่อนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า

ด้วยปรากฏรายงานข่าวผ่านสื่อมวลชนว่า ได้มีการออกหมายจับแอดมินเพจ CSI LA และคนแชร์ข้อมูลจากเพจดังกล่าวอีก 12 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 65-77 /2561 ลงวันที่ 3 กันยายน 2561 ในฐานความผิดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการไล่จับกุมบุคคลตามหมายจับดังกล่าวไปแล้ว 9 ราย และคาดว่าจะมีการนำส่งพนักงานสอบสวน สภ. เกาะสมุยภายในวันนี้ มูลเหตุที่นำมาสู่การถูกออกหมายจับ เนื่องจากเพจ CSI LA ได้เผยแพร่ข้อความที่ในวันที่ 25 สิงหาคม 2561 เกี่ยวกับกรณีหญิงสาวอายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ ถูกข่มขืน ที่หาดทรายรี ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี ในคืนวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ต่อมาวันที่ 28 สิงหาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ระบุว่ากระแสข่าวดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ พร้อมทั้งระบุว่าจะมีการดำเนินคดีกับเพจคือ เพจสมุยไทม์ […]

คดีฆาตกรรมอำพรางนายเกียรติศักดิ์ ในช่วงสงครามยาเสพติด

ผ่านมากว่า 14 ปีแล้วสำหรับคดีฆาตกรรมนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง วัยรุ่นในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ถูกตำรวจฆาตกรรมอำพราง ย้อนไปเมื่อปี 2546 รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดแบบเด็ดขาด ชนิดที่เรียกว่า “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” มีการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ต้องปราบปรามผู้ค้ายาและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ได้ร้อยละ 25 จากจำนวนเป้าหมายที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) กำหนดไว้ (บัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือบัญชีดำ) โดยใช้หลักเกณฑ์วัดผลเชิงปริมาณ 3 ประการ คือ 1. การจับกุมดำเนินคดีจนถึงขั้นอัยการส่งฟ้องศาล  2. การวิสามัญฆาตกรรมในกรณีที่ผู้ค้ายาเสพติดต่อสู้ 3. การที่ผู้ค้ายาเสพติดเสียชีวิตไม่ว่าด้วยกรณีใดก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ก็อาจจะต้องพิจารณาโทษ[1] แม้สาธารณะชนจำนวนมากจะชื่นชอบกับนโยบายที่เด็ดขาดดังกล่าว แต่การใช้มาตรการแบบแข็งกร้าว เร่งรัดกดดันการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่  รวมทั้งการกำหนดนโยบายการให้รางวัลตอบแทนและการลงโทษเพื่อให้มีการปฏิบัตินโยบายดังกล่าว  เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเร่งรีบเพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ของรัฐบาล ประกอบกับไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการดำเนินการต่างๆให้ชัดเจนรัดกุม  ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (บัญชีดำ) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตัวชี้วัดผลสำเร็จที่มุ่งเน้นการลดจำนวนผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ด้วยเหตุนี้ การดำเนินนโยบายดังกล่าวจึงก่อให้เกิดความสูญเสียต่อผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก[2] จากรายงานเบื้องต้นของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษา และวิเคราะห์ การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของประชาชน หรือ คตน. […]

2557 – 2561 นักต่อสู้ด้านที่ดินถูกคุกคามด้วยความรุนแรงเฉลี่ยปีละราย

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและกลางดึกของเมื่อวาน (3 กันยายน 2561) มีข่าวการลอบยิงในพื้นที่ภาคเหนือถึง 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์แรกเป็นการยิงอดีตกำนันเสียชีวิต อีกเหตุการณ์เป็นการลอบยิงกุฏิพระสงฆ์ แต่โชคดีที่ท่านไม่เป็นอะไร ซึ่งความน่าสนใจของทั้งสองเหตุการณ์คือ ผู้ที่ตกเป็นเป้ามีประวัติด้านการทำงานพัฒนาและการเคลื่อนไหวเรื่องที่ดินในพื้นที่ภาคเหนือ การลอบสังหารและการอุ้มหายนักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกินไม่ใช่เรื่องที่พึ่งเกิด แต่เป็นสิ่งที่ปรากฎมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงปี 2517 ถึง  2522  มีข้อมูลว่าผู้นำชาวนาชาวไร่ถูกสังหารมากถึง 33 คน บาดเจ็บสาหัส 8 คน และหายสาบสูญ 5 คน[1]  แม้ในระยะหลังสถานการณ์การคุกคามต่อนักต่อสู้ด้านที่ดินด้วยความรุนแรงดังกล่าวจะคลี่คลายลงไปบ้าง และพึงมาปรากฏชัดอีกครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารที่อ้างเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา แต่กลับพบว่ามีการคุกคามด้วยความรุนแรงทั้งการสังหารและการอุ้มหายต่อคนที่ทำงานเกี่ยวกับประเด็นด้านที่ดินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยแล้วปีละ 1 ราย และที่สำคัญยังไม่สามารถนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้เลยสักคดีเดียว   ปี 2557 แกนนำกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแห่งบางกลอยถูกบังคับให้สูญหาย วันที่ 17 เมษายน 2557 นายบิลลี่ หรือพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแห่งบางกลอย ได้ถูกทำให้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปัจจุบันผ่านไป 4 ปี การค้นหาความจริงยังไม่คืบหน้ามากนัก  กรมสอบสวนคดีพิเศษพึ่งมีมติรับเป็นคดีพิเศษไปเมื่อเดือนมิถุนายน […]

นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆาตกรรมนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อันเนื่องมาจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในช่วงสงครามยาเสพติด

วันที่ 6 กันยายน 2561 เวลา 09.30 น. ณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีหมายเลขดำที่ อ.3252/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2600/2555 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 โจทก์ กับ ด.ต.อังคาร คำมูลนา ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน จำเลย  คดีนี้ โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ สืบเนื่องจากกรณีนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี เด็กนักเรียน จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตด้วยการถูกฆ่าแขวนคอที่กระท่อมกลางทุ่งนาใน จ.ร้อยเอ็ด หลังจากได้รับการปล่อยตัวจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายประกาศทำสงครามกับยาเสพติด โดยญาติของนายเกียรติศักดิ์ ในฐานะผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการด้วย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 […]

เส้นทาง “เดิน..เทใจให้เทพา” ภายใต้กฎหมายชุมนุมสาธารณะ

เราจะไปยื่นหนังสือต่อนายก ปกป้องบ้านของเรา เราเดินกันไปอย่างสงบ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้  ผมมาเดินตั้งแต่วันแรก ไม่เคยคิดว่าจะโดยจับ จำเลยหมายเลข 13 เจ้าหน้าที่ประกบผมสามคน เขาจับแขนผม บอกว่าขอเชิญตัว ผมบอกว่า ผมบอกว่าผมขอเดินไปเอง เขาให้ผมไปขึ้นรถตู้ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรผมเลย จำเลยหมายเลข 1 ในทางหลักการแล้ว เราถือว่าเสรีภาพในการชุมนุม  เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในสังคมประชาธิปไตย เพราะหลักการพื้นฐานประการหนึ่งของสังคมประชาธิปไตยคือ หลักการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยประชาชนต้องสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ ซึ่งเสรีภาพในการชุมนุมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้การมีส่วนร่วมทางการเมืองและนโยบายสาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะช่วยให้ประชาชนได้แสดงออกซึ่งความคิดเห็นไปยังตัวแทน และยังเปิดพื้นที่ในถกเถียงแลกเปลี่ยน การโน้มน้าวจิตใจของผู้คนในสังคมให้มีเสียงสนับสนุนหรือคัดค้านข้อเสนอของตน และที่สำคัญเสรีภาพในการชุมนุมยังถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อรองของประชาชนคนด้อยอำนาจเพื่อให้เข้าถึงสิทธิทางการเมือง เข้าทรัพยากร และเข้าถึงสิทธิเสรีภาพอื่นๆอีกด้วย อย่างไรก็ดี ในมุมมองของรัฐที่ไม่มีวัฒนธรรมประชาธิปไตยและค่อนไปทางอำนาจนิยม มักจะมองว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนเป็นการก่อความวุ่นวาย ทำให้เกิดความไม่สงบ และเป็นพวกไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง รัฐจึงต้องหาวิธีจัดการ เสรีภาพในการชุมนุม เป็นสิทธิมนุษยชนประการหนึ่งที่ถูกรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and  Political Rights (ICCPR)) ข้อ 21 ที่ระบุว่า “สิทธิในการชุมนุมโดยสงบย่อมได้รับการรับรอง การจำกัดการใช้สิทธินี้จะกระทำมิได้นอกจากจะกำหนดโดยกฎหมายและเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับสังคมประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงของชาติ หรือความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย การสาธารณสุข […]

ประเทศไทยในวันผู้สูญหายสากล บิลลี่และคนอื่นยังคงหาย กฎหมายก็ยังไร้วี่แวว

วันที่ 30 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันผู้สูญหายสากล (International Day of Disappearance) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่สูญหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ในภาวะสงคราม การปราบปรามจากรัฐ หรือการก่อการร้าย จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ยังมีผู้ที่ถูกบังคับให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อเนื่อง จากสถิติในรายงานของคณะทำงานว่าด้วยการบังคับบุคคลให้สูญหายหรือการสูญหายโดยไม่สมัครใจ (Report of the Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances) ปี 2560 ระบุว่า นับตั้งแต่เริ่มรับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 ถึงเดือนพฤษภาคม 2560 คณะทำงานได้ส่งมอบกรณีที่เกิดขึ้นรวม 56,363 ราย ให้แก่ 112 รัฐ และมีกรณีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการอยู่อีก 45,120 ราย ในทั้งหมด 91 รัฐ สำหรับประเทศไทย ในรายงานระบุว่ามี 82 กรณี ทุกกรณียังไม่มีการคลี่คลาย[1] ซึ่งเป็นข้อมูลเพียงบางส่วนที่มีการร้องเรียนและบันทึกไว้ ตัวอย่างกรณีที่น่าสนใจของประเทศไทย ก็เช่น กรณีคุณทนง […]

มองคดี “เดิน..เทใจให้เทพา” ผ่านคดี “ท่อก๊าซไทย-มาเล” ว่าด้วยด้ามธง ต่อสู้ขัดขวาง ปิดทางจราจร และการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

ตลอดเดือนสิงหาคม ชาวบ้านเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวน 17 คน ต้องเดินทางแวะเวียนมาขึ้นศาลแทบทุกอาทิตย์  พวกเขาเหล่านี้ตกเป็นจำเลยจากการจัดกิจกรรมที่เรียกสั้นๆว่า “เดิน…เทใจให้เทพา” เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 “เดิน…เทใจให้เทพา” เป็นการเดินเท้าจากชุมชนบางหลิง ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะมีการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยเริ่มต้นเดินตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 เพื่อมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ในการประชุม ครม. สัญจร ที่จัดขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ณ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ที่มาคดีเดินเทใจให้เทพา ในวันแรกของการเดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่าการทำกิจกรรมของพวกเขาเข้าข่ายการชุมนุมสาธารณะที่ต้องแจ้งการชุมนุมตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ทันที่ที่ทราบเรื่องดังกล่าวเครือข่ายก็ได้ดำเนินการแจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรเทพาในวันเดียวกันนั้น และได้ยื่นหนังสือขอผ่อนผันการชุมนุมสาธารณะต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาในวันถัดมาคือ 25 พฤศจิกายน 2560  อย่างไรก็ดีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาได้ออกประกาศฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 ให้เครือข่ายฯเลิกเดินภายในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ทางเครือข่ายเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทำเป็นการใช้สิทธิที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว พวกเขาจึงดำเนินกิจกรรมต่อไป พวกเขายังเดินต่อไปได้  […]

1 2 3 4 7