ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

รายงาน 1 ปี ยืน หยัด หยุุดรัฐ ทําลายสิทธิ โดยภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

“สิทธิในการชุมนุมโดยสงบ” เป็นสิทธิเสรีภาพที่พัฒนามาจากเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยรัฐที่ปกครองในระบอบดังกล่าวจะให้ความสําคัญกับการส่งเสริม การมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมืองการปกครอง สําหรับประเทศไทยนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับแรก จนมาถึงฉบับปี 2560 ได้รับรองและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะไว้เช่นกัน สะท้อนว่ารัฐไทยให้ความสําคัญต่อการสนับสนุน ส่งเสริมและคุ้มครองการใช้เสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะของประชาชนมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ในช่วงการชุมนุมสาธารณะ โดยเยาวชน นิสิตนักศึกษาและประชาชนกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2563 รัฐไทยมีการรับมือกับการชุมนุมดังกล่าวที่ไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งอาญาจักรไทยและกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เห็นได้จากการที่รัฐไทยใช้วิธีการตอบโต้ “การชุมนุมที่จัดขึ้นโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ผ่านการคุกคาม ข่มขู่เพื่อขัดขวางไม่ให้การชุมนุมดังกล่าวสามารถดําเนินการได้อย่างราบรื่น เริ่มตั้งแต่ใช้ “การติดตาม คุกคาม ข่มขู่” ทั้งต่อผู้ที่จัดการชุมนุมหรือผู้ที่สนับสนุนการชุมนุม โดยการเยี่ยมที่บ้าน การเชิญผู้ปกครองมาพบเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อทําข้อตกลงไม่ให้นักเรียน นักศึกษาเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง เป็นต้น “การแจ้งความดำเนินคดี” เพื่อสร้างความกลัวและลดทอนศักยภาพ ประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว ซึ่งข้อกล่าวหานั้น มีตั้งแต่ความผิดฐานลหุโทษ ไปจนถึงข้อหาหมิ่นพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นโทษที่รุนแรง ไม่เท่านั้น การถูกจับกุมดำเนินคดียังส่งผลทำให้ผู้ที่ถูกดําเนินคดีต้องเผชิญต่อ “การจํากัดเสรีภาพสิทธิในกระบวนการยุติธรรม” อาทิ อุุปสรรคในการเข้าถึงทนายความและการจํากัดสิทธิในการปล่อยชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เป็นต้น และการใช้กําลังในการ “การสลายการชุมนุม” ของเจ้าหน้าที่ตํารวจหลายครั้งติดต่อกัน ทําให้ทั้งผู้ที่ชุมนุม สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการชุมนุมต่างได้รับบาดเจ็บ โดยบางรายถึงขั้นพิการ และทรัพย์สินของประชาชนเสียหาย ด้วยเหตุนี้ นักกฎหมาย […]

ภาคีฯ ออกหนังสือถึงรมต.กระทรวงยุติธรรมให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ

ตามที่ปรากฏว่านายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน และนายอานนท์ นำภา ติดเชื้อไวรัสโรโรนา ๒๐๑๙ เนื่องจากไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยชั่วคราวและถูกคุมขังอยู่ ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามที่ท่านทราบดีอยู่แล้วนั้น