เครือข่ายกะเหรี่ยงและองค์กรสิทธิฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องกระทรวงทรัพย์ฯ สั่งนายชัยวัฒน์กับพวกให้ออกจากราชการชั่วคราว หลังอัยการสั่งฟ้องคดีอุ้มฆ่าบิลลี่

เครือข่ายกะเหรี่ยงและองค์กรสิทธิฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องกระทรวงทรัพย์ฯ สั่งนายชัยวัฒน์กับพวกให้ออกจากราชการชั่วคราว หลังอัยการสั่งฟ้องคดีอุ้มฆ่าบิลลี่

#9ปีบิลลี่ยังไม่ได้กลับบ้าน เครือข่ายกะเหรี่ยงและองค์กรสิทธิฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องกระทรวงทรัพย์ฯ สั่งนายชัยวัฒน์กับพวกให้ออกจากราชการชั่วคราว หลังอัยการสั่งฟ้องคดีอุ้มฆ่าบิลลี่

21 เม.ย. 2566 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “ไก่ – เกรียงไกร ชีช่วง” ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยพี่น้องชาวบางกลอยและตัวแทนจากเครือข่ายภาคประชาสังคม อาทิ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ปลัด ทส. มีคำสั่งให้ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อีก 3 นาย ออกจากราชการชั่วคราวไว้ก่อน ภายหลังทั้งสี่ถูกพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาฆาตกรรม “บิลลี่ – พอละจี รักจงเจริญ” นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ถูกอุ้มหาย เมื่อ 9 ปีก่อน ซึ่งศาลนัดสืบพยานนัดแรกในวันที่ 24 เม.ย. 2566 นี้

เวลา 13.30 น. บริเวณหน้าทางเข้าอาคารกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังตกอยู่ภายใต้ความเงียบเหงา ท่ามกลางแสงแดดและอากาศที่ร้อนจัด มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและสื่อมวลชนบางส่วนเท่านั้นที่มารอคอยทำข่าว จนกระทั่งไก่นำขบวนพี่น้องชาวบ้านบางกลอยเดินขบวนถือป้ายแสดงข้อความที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม รอยยิ้มสดใสและมีความหวังของไก่ทำให้บรรยากาศภายในบริเวณนั้นกลับมาครึกครื้นในทันที

“คดีนี้สังคมให้ความสนใจและจับตามองเป็นอย่างมาก แต่ต้นสังกัดของคุณชัยวัฒน์และเจ้าหน้าที่ ไม่ได้แสดงเจตจำนงที่ดีในการทำให้คดีนี้คลี่คลายไปในมุมที่ถูกต้องและเป็นควร โดยเฉพาะมุมที่เราเห็นชัดเจนว่าเป็นคดีอาญาและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง ซึ่งส่งผลให้พี่น้องที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพี่น้องที่อยู่กับป่า พี่น้องชาวบางกลอย-ใจแผ่นดิน ได้รับความลำบากมาจนถึงทุกวันนี้” ไก่เผยถึงที่มาของการยื่นหนังสือ

ป้ายที่ชาวบ้านบางกลอยคนหนึ่งถืออยู่ มีข้อความเขียนด้วยลายมือว่า “ที่นี่มีการเลือกปฏิบัติและสองมาตรฐานใช่ไหม!” เหมือนกับรู้ถึงความสงสัยของสื่อมวลชน ไก่รีบอธิบายถึงความหมายของข้อความดังกล่าวทันที

“ไม่ว่าจะเป็นคดีการฮั้วประมูลที่ห้วยคมกฤต คดีทุจริตที่วนอุทยานชะอำ คดีตัดไม้ที่แก่งกระจานแม่สะเรียง เราต่างเห็นข้อเท็จจริงว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดวินัยรุนแรง มีทิศทางที่เห็นเหตุในการทุจริตชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น บุคลากรหรือเจ้าหน้าที่รัฐท่านนี้เองก็ยังมีคดีเผาไล่รื้อหมู่บ้านชาวบางกลอย คดีปู่คออี้ คดีอุ้มหายและทรมานบิลลี่ที่เรามาร้องเรียนในวันนี้พ่วงอยู่ แต่ทำไมต้นสังกัดไม่ทำอะไรเลย ไม่ปรากฏหรือว่ามีคำสั่งอย่างไรเลย ประชาชนจึงมีเหตุสงสัยว่า ที่นี่เองหรือเปล่าที่สองมาตรฐาน เพราะเราก็รู้ว่ามีข้าราชการหลายคนที่มีคดีในลักษณะใกล้เคียงกัน ก็ถูกให้ออก ก็ถูกปฏิบัติแตกต่างจากข้าราชการคนนี้”

“ที่สำคัญ สังคมจะไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนด้วย เพราะมีคดีติดตัวเยอะแยะ แต่กลับได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ผมก็คิดว่ามันย้อนแย้งกับความเป็นจริงอย่างมาก เราจึงต้องการขอให้ต้นสังกัดพิจารณาเบื้องต้น ให้ชัยวัฒน์และอีก 4 คนออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ตนเองต่อไป”

หลังให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเสร็จ ไก่ พร้อมชาวบ้านบางกลอยและองค์กรภาคประชาสังคมได้มอบหนังสือร้องเรียนให้แก่ตัวแทนปลัด ทส. โดยมีนางสาวเพียงจันทร์ คล้ายสินธุ์ ผู้อำนวยการส่วนประสานงานเรื่องร้องเรียน กองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับหนังสือ และได้ออกหมายเลขรับหนังสือ ทส. ที่ 9349 ลงวันที่ 21 เม.ย. 2566 เวลา 13.50 น. มอบให้แก่ผู้ร้องไว้เป็นหลักฐานในการติดตามความคืบหน้า

การยื่นหนังสือต่อปลัด ทส. ในวันนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2565 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้องคดีชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหา (1) ข่มขืนใจโดยมีอาวุธ (2) กักขังหน่วงเหนี่ยวจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย (3) อำพรางคดี และ (4) ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีต้องสงสัยว่าฆาตกรรมและบังคับสูญหาย บิลลี่ – พอละจี รักจงเจริญ

15 พ.ย. 2565 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรเครือข่าย ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อขอให้ดำเนินการสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน แก่ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรและพนักงานราชการจำนวน 3 ราย เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ครอบครัวและพยานของผู้เสียหาย

2 ธ.ค. 2565 อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้มีหนังสือตอบกลับ ชี้แจงว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ ไม่มีอำนาจในการสั่งพักหรือให้ออกจากราชการแก่ชัยวัฒน์ เนื่องจากปัจจุบัน ชัยวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ซึ่งเป็นตำแหน่งประเภทผู้อำนวยการระดับสูง หากแต่เป็นอำนาจของปลัด ทส. ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งชัยวัฒน์ให้ดำรงตำแหน่ง ที่จะมีคำสั่งให้พักหรือออกจากราชการแก่ชัยวัฒน์ ส่วนกรณีของพนักงานราชการจำนวน 3 นาย อธิบดีกรมอุทยานฯอ้างว่า พนักงานราชการเป็นการจ้างงานที่มีสถานะเข้าออกตามสัญญาจ้าง ไม่ใช่การจ้างงานจนเกษียณอายุราชการเหมือนกับข้าราชการ จึงไม่สามารถนำกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการสั่งพักและให้ออกจากราชการมาบังคับใช้กับพนักงานราชการได้

ภาพถ่าย: ประชาไท

———————————
23 เม.ย. 2566 เวลา 14.00 – 17.00 น. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ขอเรียนเชิญประชาชนผู้รักในสิทธิมนุษยชน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทวงถามความยุติธรรมและนำพาพี่น้องขาวบางกลอยกลับบ้าน ในงานเสวนา หัวข้อ “เส้นทาง ความหวัง ความยุติธรรม 9 ปี บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ ยังไม่ได้กลับบ้าน” ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
.
พร้อมร่วมชมคอนเสิร์ต “จะขอเป็นนกพิราบขาว” โดยสองครอบครัวดนตรี คีตาญชลี โอปแฟมิลี่ สองศิลปินปกาเกอะญอจากเชียงใหม่ ในชุดเตหน่าบรรเลง ชิ สุวิชาน&เจนนี่ Klee Bho และบทเพลงจากใจถึงใจ Stoondio ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/photo/?fbid=610318811132067&set=a.559546409542641