แจ้งข่าวคดีนักปกป้องสิทธิแรงงานถูกฟาร์มไก่ฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย กรณีรายงานการละเมิดสิทธิแรงงาน ศาลใช้เวลาไกล่เกลี่ย 3 ชม.กว่า ก่อนโจทก์จำเลยตกลงกันได้และโจทก์ยอมถอนฟ้อง  

แจ้งข่าวคดีนักปกป้องสิทธิแรงงานถูกฟาร์มไก่ฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย กรณีรายงานการละเมิดสิทธิแรงงาน ศาลใช้เวลาไกล่เกลี่ย 3 ชม.กว่า ก่อนโจทก์จำเลยตกลงกันได้และโจทก์ยอมถอนฟ้อง  

ใบแจ้งข่าว

คดีนักปกป้องสิทธิแรงงานถูกฟาร์มไก่ฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย กรณีรายงานการละเมิดสิทธิแรงงาน ศาลใช้เวลาไกล่เกลี่ย 3 ชั่วโมงกว่า ก่อนโจทก์จำเลยตกลงกันได้และโจทก์ยอมถอนฟ้อง

 

สืบเนื่องจากกรณีที่บริษัทธรรมเกษตร  จำกัด ได้ฟ้องนางสาวสุธารี วรรณศิริ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ในคดีละเมิดตามมาตรา 423 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  เรียกค่าเสียหายจำนวน  5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)  ต่อศาลแพ่ง คดีหมายเลขดำที่ พ.6237/2561  และนัดสืบพยานโจทก์-จำเลยระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม 2562

นางสาวสุธารี วรรณสิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน อดีตเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กรโฟร์ติฟายไรท์ (Fortify Rights)   ได้เผยแพร่ลิงค์เชื่อมโยงวีดีโอคลิปที่มีบทสัมภาษณ์อดีตลูกจ้างของบริษัทผ่าน Twitter ส่วนตัวจำนวนสามครั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2560 เพื่อเรียกร้องให้เกิดการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มบุคคลที่เปราะบางทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ สิทธิแรงงานที่ลูกจ้างพึงได้รับตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองแรงงานของไทย และมาตรฐานการดำเนินธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน  ซึ่งการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในการประกอบธุรกิจนั้นเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยยกให้เป็นเรื่องสำคัญ และสนับสนุนให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมทำหน้าที่เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  อันเป็นมูลเหตุที่บริษัทธรรมเกษตร จำกัด ยื่นคำฟ้องคดีนี้

การสืบพยานเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 นั้น ศาลเริ่มกระบวนการพิจารณาในเวลา 9:30 นาฬิกา โดยก่อนที่จะเริ่มสืบพยานนั้น ศาลได้เรียกฝ่ายโจทก์และจำเลยทีละฝ่ายเพื่อสอบถามความเป็นไปได้ในการยุติการดำเนินคดีว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ โดยในระหว่างที่ศาลเรียกแต่ละฝ่ายหารือนั้นศาลได้ขอให้ผู้สังเกตการณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย ตัวแทนจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และไอลอว์ ออกจากห้องพิจารณาไปก่อนโดยขอเจรจาลับ แต่เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ จึงทำให้มีการสืบคดีต่อไป และการสืบพยานเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 10:00 น. โดยเป็นการสืบพยานฝ่ายโจทก์ ซึ่งได้นำนายชาญชัย เพิ่มผล ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทธรรมเกษตร ขึ้นเบิกความเป็นพยาน

พยานโจทก์ขึ้นเบิกความโดยได้นำพยานหลักฐานเป็นรูปภาพฟาร์มธรรมเกษตรมายื่นศาลเพื่อประกอบการเบิกความความถึงลักษณะทั่วไปของฟาร์ม และ สภาพโรงเลี้ยงไก่ จำนวนไก่ที่เลี้ยง จำนวนแรงงานที่ทำงานในบริษัทของโจทก์ ลักษณะการทำงานในโรงเลี้ยงไก่ ระเบียบปฏิบัติภายในโรงเลี้ยงไก่ สภาพการใช้ชีวิตของแรงงานในบริษัทของโจทก์ วิธีการเลี้ยงไก่ ระบบการเลี้ยงไก่ รวมถึงรอบของการเลี้ยงไก่แต่ละรอบว่ามีระยะเวลานานเท่าใด การจ่ายค่าจ้าง วิธีการคำนวนค่าจ้าง การเข้าทำงานของแรงงาน การเข้าพื้นที่ของแรงงาน นอกจากนี้ยังได้มีการเบิกความถึงสภาพการทำงาน ว่าแรงงานต้องทำอะไรบาง เช่นการนำแกลบมาลงในโรงเลี้ยงไก่ การเก็บขี้ไก่ออกจากโรง รวมถึงการรักษาความปลอดภัยภายในโรงเลี้ยงไก่ รวมถึงส่งภาพถ่ายแรงงานขณะออกไปทำกิจกรรมภายนอกฟาร์มเพื่อให้เห็นสภาพการใช้ชีวิตของแรงงานภายในและนอกฟาร์ม ที่ทางฟาร์มได้จัดให้บริการแรงงาน

พยานโจทก์ได้เบิกความถึงกฎเกณฑ์การเข้าออกโรงเลี้ยงไก่ที่แรงงานต้องมีการตอกบัตรเพื่อเข้าบริเวณโรงเลี้ยงไก่ โดยในตอนเช้าเป็นการตอกบัตรเข้างานตอน 7 โมงเช้า และตอนเย็นมีการตอกบัตรออกตอน 5 โมงเย็น และแรงงานมีการตอกบัตรงอีกครั้งตอน หนึ่งทุ่ม และมีการตอกบัตรออกเวลา ตี ห้าของวันถัดไป โดยพยานเบิกความว่าแรงงานเข้าไปในโรงเลี้ยงไก่เพื่อใช้สิ่งอำนวยความสะดวกแต่ไม่ใช่เข้าไปทำงานเพราะโรงเลี้ยงไก่ใช้ระบบเลี้ยงแบบอัติโนมัติ แต่การที่บัตรลงเวลาทำงานหลุดออกไปข้างนอกทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจผิดว่าแรงงานมีการทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พัก โดยพยานยืนยันว่าแรงงานไม่ได้เข้าไปทำงานเป็นการที่แรงงานสมัครใจเข้าไปในโรงเลี้ยงไก่เอง ศาลได้ถามพยานว่า วัตถุประสงค์ของการที่แรงงานเข้าไปในโรงเลี้ยงไก่ในเวลากลางคืนนั้นคืออะไร พยานอธิบายว่าเป็นการเข้าไปเฉยๆหรืออาจเข้าไปเล่นไวไฟเพราะด้านในมีจัดไว้ให้ หรืออาจเป็นการที่พนักงานเข้าไปเพื่อดูแลให้ไก่มีสุขภาพดีขึ้นได้น้ำหนักตามมาตรฐาน

ทั้งนี้ในระหว่างเบิกความศาลได้เตือนพยานหลายครั้งให้ตอบคำถามที่ทนายความและศาลถามให้ตรงประเด็นที่ถาม โดยให้ตั้งสติก่อนที่จะตอบคำถาม ก่อนที่ศาลจะให้เลื่อนคดีไปพิจารณาต่อในช่วงบ่าย โดยศาลพิจารณาคดีในช่วงเช้าเสร็จสิ้นเวลาประมาณ  10:45 นาฬิกา และนัดสืบพยานต่อในช่วงบ่ายเวลา 13:00 นาฬิกา

เวลาประมาณ 13:30 ศาลได้เริ่มการสืบพยาน โดยมีผู้สังเกตการณ์คดีเข้าร่วมฟังการพิจารณา และพยานโจทก์ได้ขึ้นเบิกความต่อจากช่วงเช้า เบิกความถึงแรงจูงใจที่แรงงานเข้าไปในโรงเลี้ยงไก่ช่วงเวลา  19.00 ถึง 05.00 ของทุกวัน เพราะมีแรงจูงใจอยากทำให้ไก่ไม่ตายและมีน้ำหนักเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ได้เงินเพิ่มขึ้น และเบิกความถึงความเสียหายที่บริษัทธรรมเกษตรได้รับหลังเกิดข้อพิพาทเรื่องละเมิดสิทธิแรงงาน และมีองค์กรสิทธิเผยแพร่ข้อมูลทำให้บริษัทคู่ค้ายุติการทำธุรกิจ จนบริษัทธรรมเกษตรต้องปิดฟาร์มถึง  3  แห่งในจังหวัดลพบุรี ในช่วงปี 2559  และปัจจุบันยังคงหาคู่ค้าไม่ได้เพราะหากมีการเช็คประวัติของบริษัทในกูเกิลจะพบข้อมูลว่าบริษัทมีข้อหาการละเมิดสิทธิแรงงานอยู่

ทนายความจำเลยได้ถามค้านถึงประเด็นความสัมพันธ์ของพยานโจทก์กับบริษัทธรรมเกษตร และกรณีที่แรงงานทั้ง 14 คนที่ทำงานในบริษัทธรรมเกษตรนั้นมีเอกสารการทำงานที่ถูกต้องหรือไม่และบริษัทได้เป็นผู้จัดหาหนังสือเดินทางและบัตรสีชมพูสำหรับแรงงาน และการยึดเอกสารของแรงงาน มีการหักเงินค่าทำเอกสารหรือไม่ ระยะเวลาที่แรงงานทำงานกับบริษัทธรรมเกษตร ประเด็นเกี่ยวกับการตอกบัตรเข้าทำงาน มีการตอกบัตรติดต่อกัน 65 วันโดยไม่มีวันหยุด การรับเงินของแรงงาน การทำสลิปเงินเดือน เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ประเด็นการปิดตัวลงของฟาร์มบางแห่งว่าเป็นการกระทำของตัวโจทก์เอง   นอกจากนี้ทนายจำเลยยังได้ถามถึง กรณีที่แรงงานได้มีการร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานถึงการที่ถูกยึดหนังสือเดินทางและการที่ไม่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดจริง มีการหักเงินแรงงานโดยที่แรงงานไม่ได้ยินยอม เรื่องการจัดให้แรงงานมีวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดพักผ่อนประจำปี กรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานได้สั่งให้บริษัทจ่ายเงินค่าจ้างที่ค้างอยู่ให้แรงงานจนเป็นจำนวน 1.7  ล้านบาท กรณีที่บริษัธรรมเกษตรได้ยื่นฟ้องแรงงานที่ร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิแรงงานต่อศาลแขวงดอนเมืองในข้อหาหมิ่นประมาทและต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการกระทำของแรงงานไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

ประเด็นเกี่ยวกับคำแปลในคลิปวีดีโอพิพาทที่เผยแพร่โดยจำเลยนั้น พยานเบิกความยอมรับว่าทราบว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนทำขึ้น และข้อความที่แปลในวีดีโอที่เป็นมูลเหตุในการฟ้องนั้นพยานแปลโดยเข้าใจไปเองว่าคำว่า abuse แปลว่าการทารุณกรรมแรงงาน ซึ่งไม่ตรงตามอนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศว่าด้วยงานที่มีคุณค่า ได้แปลไว้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิแรงงานเท่านั้น และพยานไม่ติดใจเรื่องนี้แล้ว โดยทนายจำเลยถามค้านถึงเวลาประมาณ 16.00 นาฬิกา แต่ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับคดีอีกมากทำให้ไม่สามารถถามค้านให้เสร็จได้ ศาลจึงให้เลื่อนการพิจารณาไปวันที่ 28 สิงหาคม 2562 เวลา 09:00 นาฬิกา  หลังจากหยุดการสืบพยานไว้เพียงเท่านี้ศาลได้เรียกโจทก์พูดคุยกันอีกครั้ง โดยไม่เปิดเผยประเด็นการพูดคุย

การพิจารณาคดีวันที่ 28 สิงหาคม 2562 มีตัวแทนจากสถานทูตอเมริกา คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และไอลอว์ ทั้งนี้ก่อนการเริ่มพิจารณาคดีในตอนเช้าเวลาประมาณ 9:30 นาฬิกา ศาลได้พยายามหาแนวทางให้ฝ่ายโจทก์และจำเลยไกล่เกลี่ยคดีเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน โดยเป็นไปตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 20 ที่บัญญัติว่า “ไม่ว่าการพิจารณาคดีจะได้ดําเนินไปแล้วเพียงใด ให้ศาลมีอํานาจที่จะไกล่เกลี่ยให้คู่ความได้ตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในข้อพิพาทนั้น” ดังนั้นแม้จะได้มีการสืบพยานไปบางส่วนแล้วศาลก็ยังดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ ทั้งนี้ในเบื้องต้นศาลได้อนุญาตให้ผู้สังเกตุการณ์คดีนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีได้ด้วย โดยศาลได้ให้ฝ่ายทนายโจทก์ โจทก์ จำเลย และทนายความจำเลย เข้าปรึกษากับศาลที่บริเวณหน้าบัลลังก์เพื่อหาทางออกร่วมกัน

จนกระทั้งเวลาประมาณ  10:25  นาฬิกา จึงได้เชิญให้ผู้สังเกตุการณ์คดีออกนอกห้องพิจารณา แล้วเรียกฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลยทีละฝ่ายเพื่อให้แต่ละฝ่ายเสนอแนวทางการยุติคดี ทั้งสองฝ่ายได้ยื่นแนวทางเพื่อยุติคดีโดยโจทก์เสนอว่าจะถอนฟ้องหากจำเลยยินยอมแถลงถ้อยคำตามที่โจทก์เสนอ หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้เสนอถ้อยแถลงอยู่หลายครั้งจนถึงเวลาประมาณ 14:45 นาฬิกา ทั้งสองฝ่ายจึงได้ข้อยุติร่วมกันคือว่าจำเลยจะแถลงต่อศาลว่า “หากมีข้อเท็จจริงบางประการในคลิปวีดีโอของฟอร์ตี้ฟายไรท์ที่คลาดเคลื่อนจนอาจทำให้โจทก์เสียหายจำเลยขอแสดงความเสียใจด้วย”  โจทก์ยอมรับคำแถลงคำแถลงของจำเลย และแถลงว่าหากเป็นดังนั้นโจทก์ก็ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้าน  ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและคืนค่าธรรมเนียมให้โจทก์เป็นกรณีพิเศษ คดีนี้จึงถือเป็นยุติ

ทั้งนี้จำเลยจะใช้สิทธิในการแถลงต่อศาลถึงประเด็นของเจตนารมณ์ในการทวิตข้อความอันเป็นมูลเหตุพิพาทต่อศาลเพิ่มเติมต่อไป

อนึ่ง ในการยุติของคดีนี้ไม่สงผลต่อคดีอาญาที่บริษัทธรรมเกษตรได้ฟ้องนางสาวสุธารีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่ศาลอาญาได้กำหนดวันนัดพิจารณาคดีไว้แล้วในระหว่างวันที่ 18-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

นางสาวคอรีเยาะ มานุแช, ทนายความ 091-838-6265

นายสัญญา เอียดจงดี  ทนายความ 084-121-2596

[pdfjs-viewer url=”http%3A%2F%2Fnaksit.net%2Fwp-content%2Fuploads%2F2019%2F08%2F%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7-28-%E0%B8%AA.%E0%B8%84.-62final.pdf” viewer_width=100% viewer_height=1360px fullscreen=true download=true print=true]