ใบแจ้งข่าว : ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  คดีสังหารนายใช้ บุญทองเล็ก นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินและสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ 

ใบแจ้งข่าว : ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  คดีสังหารนายใช้ บุญทองเล็ก นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินและสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ 

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2559 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ล่วงหน้า ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1273/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ อ. 642/2559 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดเวียงสระ โจทก์ กับ นายสันติ วรรณทอง จำเลย จึงขอเชิญสื่อมวลชนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามวันและเวลาดังกล่าวข้างต้น

กรณีนี้สืบเนื่องจากนายใช้ บุญทองเล็ก อายุ 61 ปี สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) และนักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินชุมชนคลองไทรพัฒนา ตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2558 ซึ่งในทางการสอบสวนพบว่ามีผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องจำนวนสามคนคือ มือปืน ผู้จ้างวาน และคนขับรถจักรยานยนต์ แต่ในชั้นฟ้องร้องดำเนินคดี สามารถนำเพียงผู้ต้องต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นคนขับรถจักรยานยนต์เท่านั้นมาดำเนินคดีในชั้นศาลได้ โดยพนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ ญาติของนายใช้ ได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ โดยมีทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนให้การช่วยเหลือในด้านการดำเนินคดี

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดียกฟ้องโจทก์และยกคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของโจกก์ร่วม เนื่องจากศาลเห็นว่าประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองคนไม่น่าจะจดจำใบหน้าคนร้ายได้ เพราะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ พยานอยู่ห่างจากจุดที่คนขับรถยืนอยู่พอสมควร ประกอบกับเป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำ ส่วนที่โจทก์ร่วมนำสืบในประเด็นการใช้โทรศัพท์ของจำเลยซึ่งเชื่อมโยงกับคนยิงนั้น เห็นว่าเป็นข้อมูลหลังจากวันเกิดเหตุเวลานานมาก จากพยานหลักฐานและการนำสืบดังกล่าวจึงไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ทั้งนี้ ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8

การสูญเสียชีวิตของนายใช้ มีสาเหตุหลักมาจากการต่อสู้ร่วมกับชาวชุมชนคลองไทรพัฒนา ซึ่งเป็นชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวกันของชาวบ้านเข้าตรวจสอบพื้นที่ซึ่งบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ครอบครองปลูกปาล์มน้ำมันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้รัฐนำที่ดินมาจัดสรรให้กับเกษตรกรตามแนวทางโฉนดชุมชน แต่ตลอดระยะเวลาที่ชาวชุมชนคลองไทรพัฒนาได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากภาครัฐ กลุ่มชาวบ้านต้องพบกับการข่มขู่ และคุกคามให้ออกจากพื้นที่ ทั้งจากภาครัฐและกลุ่มอิทธิพลเถื่อน จนเกิดสังหารชาวบ้านไปแล้วก่อนหน้านายใช้ถึง 3 รายคือ นายสมพร พัฒนภูมิ ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิตภายในชุมชนคลองไทรพัฒนา อ.ชัยบุรี จังหวัดสุราษฤร์ธานี เมื่อปี 2553 นางมณฑา ชูแก้ว และนางปราณี บุญรักษ์ ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปตลาดเมื่อปี 2555 ซึ่งทั้งสามกรณียังไม่สามารถนำตัวคนร้ายมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้ นายใช้ คือเหยื่อรายที่ 4 ที่ยังคงเฝ้ารอความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมไทย นอกจากนี้ หลังจากกรณีการสังหารนายใช้ ยังเกิดการลอบสังหารสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนาอีก 1 รายคือ นายสุพจน์ กาฬสงค์ ซึ่งมีฐานะเป็นพยานโจทก์ปากสำคัญในคดีสังหารนายใช้ เขาถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2559 หลังมีคำพิพากษาคดีนายใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือน ขณะที่เดินทางกลับเข้ามาในชุมชน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ทราบจำนวน แต่โชคยังดีที่สุพจน์ยังไม่ถึงขั้นสูญเสียชีวิตดังเช่นสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนารายอื่นๆ

ปัญหาความไม่เป็นธรรมในคดีสังหารนายใช้ บุญทองเล็ก ทำให้ครอบครัวของนายใช้และผู้แทนจากสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ เคยเข้ายื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมไปแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2559 เพื่อร้องขอให้หน่วยงานดังกล่าวรับคดีนี้ไว้เป็นคดีพิเศษ เพราะเห็นว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีฆาตกรรมทั่วไป แต่เป็นคดีที่มีมูลเหตุจากการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินของคนจน และเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่น แต่จนบัดนี้ข้อเรียกร้องดังกล่าวของครอบครัวนายใช้ และสกต. ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ
กระบวนการยุติธรรมที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะคืนความยุติธรรมให้กับนายใช้ บุญทองเล็ก และผู้สูญเสียรายอื่นๆ ก่อให้เกิดการลอยนวลพ้นผิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งย่อมส่งผลให้นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนาที่อยู่ในพื้นที่ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ต่อสู้กับอำนาจเถื่อนในที่อื่นๆ ย่อมตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่อาจประสบเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตได้อีกในอนาคต

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/naksit.org/posts/1002728503128981:0

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน 02-275 3954