เนื่องด้วยพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 51 บัญญัติว่า “ทนายความต้องประพฤติตนตามข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความ การกำหนดมรรยาททนายความให้สภาทนายความตราเป็นข้อบังคับมรรยาททนายความ…” และข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 5 ว่าด้วย มรรยาทในการแต่งกายของทนายความในข้อ 20 ระบุว่า “ในเวลาว่าความ ทนายความจะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ตามหลักเกณฑ์…” โดยในข้อ 20(2) กำหนดให้ “ทนายความหญิงแต่งตามแบบสากลนิยม กระโปรงและเสื้อสีสุภาพไม่ฉูดฉาด รองเท้าหุ้มส้น” สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกทนายความหญิงถึงกรณีที่สวมกางเกงและสูทสากลในการว่าความและถูกทนายความ และศาล ตำหนิเรื่องการแต่งกาย เนื่องจากผิดข้อบังคับว่าด้วยมารยาททนายความในเวลา
ว่าความ สมาคมฯ เห็นว่า แม้การแต่งกายด้วยกางเกงของทนายความหญิงเป็นกรณีผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับของสภาทนายความ แต่เมื่อพิจารณาถึงสภาพสังคมปัจจุบัน เห็นว่า ข้อบังคับ สภาทนายความ พ.ศ.2529 หมวด 5 มรรยาทในการแต่งกาย ในข้อ 20(2) นั้นเป็นข้อบังคับที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2529 ปัจจุบันแนวคิดและค่านิยมเกี่ยวกับการแต่งกายของชายหญิงเปลี่ยนแปลงไป และสังคมมีความเท่าเทียมระหว่างหญิงชายและเพศสภาพมากขึ้น การแต่งกายของทนายความหญิงในเวลาว่าความจึงไม่ควรถูกกำหนดตายตัวและจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ทนายความหญิงพึงมีสิทธิอันชอบธรรมในการแต่งกายโดยสุภาพได้ โดยไม่ถูกจำกัดให้ต้องสวมกระโปรงเท่านั้น แต่หากไม่มีการแก้ไขข้อบังคับสภาทนายความ ข้อ 20(2) ทนายความหญิงที่สวมกางเกงเวลาว่าความ จะเป็นการแต่งกายที่ผิดข้อบังคับมารยาททนายความ และมีความผิดตามพระราชบัญญัติทนายความฯ มาตรา 52 มีโทษ 3 สถาน คือ (1) ภาคทัณฑ์ (2) ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนดไม่เกินสามปี หรือ (3) ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ ซึ่งเป็นบทลงโทษที่ถือว่าร้ายแรงเกินสมควรในกรณีการแต่งกายที่ผิดมารยาทตามข้อบังคับดังกล่าวข้างต้น ทั้งที่การสวมกางเกงตามแบบสากลนิยมนั้นก็เป็นการแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และมิได้ส่งผลกระทบใดต่อการปฏิบัติหน้าที่ทนายความในเวลาว่าความในศาล
ด้วยเหตุนี้ สมาคมฯ จึงมีความเห็นว่าควรมีการพิจารณาเพื่อแก้ไขข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 5 มรรยาทในการแต่งกาย ในข้อ 20 (2) โดยเสนอให้ใช้ ถ้อยคำดังต่อไปนี้ ทนายความ แต่งกายตามเพศสภาพ แบบสากลนิยมหรือแต่งเสื้อชุดไทยแบบแขนสั้นหรือยาว กระโปรงยาวคลุมเขาหรือกางเกงทรงสากลไม่พับปลายขา ร้องเท้าหุ้มส้น ทั้งนี้เครื่องแต่งกายต้องเป็นสีสุภาพไม่ฉูดฉาด” เพียงเท่านี้ถือเป็นการเพียงพอต่อ การแสดงความเคารพต่อศาลและสถานที่ อีกทั้ง ไม่เป็นการกระทบกระเทือนต่อกระบวนการพิจารณา หรือคู่ความ หรือการอำนวยความเป็นธรรมตามหลักความยุติธรรมอีกด้วย หากแต่เป็นการก้าวข้ามการแต่งกายที่แบ่งเพศสภาพความเป็นหญิง ชาย เคารพหลักเสรีภาพในการแต่งกายของบุคคลอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์พึ่งมีในบริบทสังคมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ดังจะเห็นได้ว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เช่น องค์กรอัยการ ก็ได้กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการแต่งกายของข้าราชการอัยการหญิงไว้ในระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2556 ข้อ 26(1)(ง) ซึ่งกำหนดให้ข้าราชการอัยการหญิงสวมกางเกงปฏิบัติงานได้ โดยกำหนดว่า
“…(ง) กางเกง กระโปรง
ข้าราชการอัยการชาย ให้ใช้กางเกงขายาวสีดําหรือสีกรมท่าเข้มหรือสีสุภาพ ไม่พับปลายขา ทรงสุภาพ คาดเข็มขัดแบบสุภาพ
ข้าราชการอัยการหญิง ให้ใช้กระโปรงทรงสอบหรือทรงตรง ความยาวระดับเข่า หรือกางเกงขายาวสีดําหรือ สีกรมท่าเข้มหรือสีสุภาพ…”
นอกจากนี้ หน่วยงานข้าราชการเองก็มีการปรับการแต่งกายของข้าราชการหญิงให้เข้ากับยุคสมัยให้ข้าราชการหญิงสวมชุดกากีเป็นกางเกงตามแบบข้าราชการชายได้ ดังจะเห็นได้จากข้าราชการตำรวจ พนักงานอัยการ และหน่วยงานราชการอื่นๆที่ข้าราชการหญิงสวมเครื่องแบบชุดสีกากีโดยสวมกางเกง เป็นต้น
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงเรียนมายังทนายความทุกท่าน ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอแก้ไขข้อบังคับ สภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 5 มรรยาทในการแต่งกาย ข้อ 20 (2) ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติสภาทนายความ ที่บัญญัติให้ทนายความไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนมีสิทธิเสนอขอให้คณะกรรมการพิจารณาแก้ไขข้อบังคับได้ โดยท่านสามารถดาวน์โหลด แบบแสดงรายละเอียดเพื่อเสนอร่วมลงชื่อเพื่อเสนอแก้ไขข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการแต่งกายของทนายความหญิง และพิมพ์ลงกระดาษ A4 กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และส่งมาที่ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เลขที่ 109 ซอยสิทธิชน ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อที่สมาคมฯจะได้ดำเนินการเสนอเรื่องพร้อมรายชื่อต่อคณะกรรมการสภาทนายความพิจารณาแก้ไขต่อไป
Download แบบกรอกข้อมูล ร่วมลงชื่อสนับสนุนการขอแก้ไขข้อบังคับสภาทนายความ
สอบถามเพิ่มเติม
นางสาวทิพย์วิมล ศิรินุพงศ์ 093 – 4193624
นางสาวคอรีเยาะ มานุแช 091 – 8386265