เด่น คำแหล้ นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินอีสาน

เด่น คำแหล้ นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินอีสาน

นายเด่น คำแหล้ ประธานโฉนดชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แกนนำการต่อสู้เรื่องสิทธิที่ดินทำกินในภาคอีสาน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังเดินทางไปเก็บหน่อไม้บริเวณสวนป่าโคกยาว จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2559

นายเด่น คำแหล้ เป็นเกษตรกรใน ต.ทุ่งลุยลาย ตั้งแต่ก่อนพื้นที่ดังกล่าวจะถูกประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม จ.ชัยภูมิ ในปี 2516 โดยเด่นกับภรรยาได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินด้วยการปลูกสร้างสวนป่าโคกยาวและปลูกยูคาลิปตัส จนกระทั่งปี 2528 เจ้าหน้าที่ป่าไม้และกองกำลังทหารพรานได้อพยพครอบครัวของเด่น และชาวบ้านคนอื่น ๆ ออกจากพื้นที่ทำกิน โดยสัญญาว่าจะจัดสรรที่แห่งใหม่ให้รายละ 15 ไร่ แต่พื้นที่ที่รัฐจัดสรรให้กลับมีเจ้าของอยู่แล้ว ชาวบ้านจึงอยู่ในสภาพไร้ที่ดินทำกิน

นายเด่น คำแหล้ ร่วมต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิที่ดินทำกินมานับแต่นั้น กระทั่งกระบวนการแก้ไขปัญหาเข้าสู่ปี 2548 คณะทำงานตรวจสอบพื้นที่โดยมี ธนโชติ ศรีกุล ปลัดอาวุโสอำเภอคอนสาร เป็นประธาน ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือครองทำประโยชน์ที่ดิน และการสำรวจรังวัดพื้นที่ มีมติว่าสวนป่าโคกยาวได้สร้างผลกระทบขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ และให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเป็นการต่อไป ต่อมาคณะอนุกรรมการสิทธิที่ดินและป่าในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ลงตรวจสอบพื้นที่และได้รายงานผลการละเมิดสิทธิ โดยมีมติว่าการปลูกสร้างสวนป่าโคกยาวได้ละเมิดสิทธิในที่ดินของผู้เดือดร้อน และให้ยกเลิกสวนป่าโคกยาว ทั้งนี้ในระหว่างการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติ ให้ผู้เดือดร้อน สามารถทำกินในระหว่างร่อง แถวของสวนป่าไปพลางก่อน

ต่อมาพื้นที่พิพาทสวนป่าโคกยาว ผ่านความเห็นชอบดำเนินโครงการพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน บนพื้นที่กว่า 830 ไร่ ตามมติ ครม.ปี 2553 และให้ผู้เดือดร้อนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ในสวนป่าได้โดยไม่มีการข่มขู่ กักขัง หรือดำเนินคดีใดใดในช่วงที่กำลังมีการแก้ไขปัญหา

อย่างไรก็ดี แนวทางปฎิบัติกลับสวนทางกัน เพราะได้มีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้ามากว่า 200 นาย บุกรวบตัวชาวบ้านชุมชนโคกยาว แจ้งข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ จำนวน 10 ราย แยกเป็น 4 คดี ซึ่งนายเด่นก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกดำเนินคดีด้วย ปัจจุบันกระบวนการดำเนินคดีอยู่ระหว่างรออ่านคำพิพากษาศาลฎีกา

ภายหลังรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ คสช. มีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 64/2557 และนโยบายตามแผนแม่บทป่าไม้ ฯ ชุมชนโคกยาวเป็นพื้นที่แห่งแรกที่ถูกแผนนโยบายดังกล่าวพยายามไล่ออกจากพื้นที่ แต่สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานได้ร่วมต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง โดยในชุมชนโคกยาว โดยมีนายเด่น เป็นแกนนำหลักในการต่อสู้

นับแต่นายเด่นหายตัวไป ชาวบ้านได้ระดมกำลังจากหลายพื้นที่ติดตามเดินเท้าค้นหาในหลายๆ พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ป่าใกล้กับชุมชนโคกยาว การค้นหาดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาร่วมเดือน ชาวบ้านพบสิ่งผิดปกติที่อาจใช้เป็นหลักฐานนำไปสู่การหายตัวไปของเด่นได้ อาทิ ท่อนไม้ขี้เหล็กป่า ยาวประมาณ 2 เมตร ตกอยู่บริเวณฝั่งลุ่มน้ำพรม ตรงข้ามกับหน่วยพิทักษ์ป่าหนองไรไก่ มีร่องรอยการผูกผ้าคล้ายกับว่าได้มีการแบกสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งมาจากที่อื่น แล้วมาวางทิ้งไว้ในบริเวณดังกล่าว ต่อมาพบร่องรอยกระดูกถูกเผาจำนวน 4 จุด ในรอบรัศมีบริเวณที่ได้เคยพบท่อนไม้ไม้ขี้เหล็กป่า และผ้าขาวม้า ชิ้นส่วนกระดูก ปลอกกระสุนปืน ตามลำดับ

นางสุภาพ คำแหล้ ภรรยาของนายเด่น คำแหล้ พร้อมชาวบ้านจากเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสานได้เคลื่อนไหวให้มีการสืบสวนสอบสวนการหายตัวไปของนายเด่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งร้องเรียนต่อหน่วยงานในพื้นที่และส่วนกลาง

รวมทั้งขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษด้วย อย่างไรก็ดี การดำเนินการก็ไม่ต่างจากกรณีอื่นๆ ที่กระบวนการค้นหาความจริงเกี่ยวกับการบังคับสูญหายเป็นไปอย่างล่าช้า

 

ที่มา : เรียบเรียงข้อมูลจากสำนักข่าวปฎิรูปที่ดินอีสาน