เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฏีกาคดีฆาตกรรมอำพรางวัยรุ่นกาฬสินธุ์ปี 2547 เหตุจำเลยที่ 5 ไม่มาศาล

เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฏีกาคดีฆาตกรรมอำพรางวัยรุ่นกาฬสินธุ์ปี 2547 เหตุจำเลยที่ 5 ไม่มาศาล

วันนี้ ( 6 กันยายน 2561)​ เวลา 09.30 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆาตกรรมอำพรางนายเกียรติศักดื์ ถิตย์บุญครอง ช่วงสงครามยาเสพติด คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3252/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2600/2555

อย่างไรก็ดี วันนี้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นอดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ไม่มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา ศาลได้สอบถามทนายจำเลยที่ 5 ทนายแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อจำเลยที่ 5 ได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 5 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดี จึงถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 5 และให้เลื่อนไปฟังคำพิพากษา วันที่ 11 ตุลาคม 2561 เวลา 9 นาฬิกา

คดีดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ และมีบิดาผู้เสียชีวิตเป็นโจทก์ร่วม โดยมีทนายความจากสภาทนายความและสมาคมนักกฏหมายสิทธิมนุษยชนใก้การช่วยเหลือ โจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ

คดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นคดีส่วนน้อยที่สามารถนำผู้กระทำซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ แต่การนำผู้กระทำมาดำเนินคดีนี้ก็ไม่ใช่เรืองง่าย ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีของการดำเนินคดี ญาติของผู้เสียหายต้องเดินทางร้องเรียนหลายหน่วยงาน มีการคุกคามญาติและพยานอย่างต่อเนื่อง พยานสำคัญกหาย บางรายตายอย่างมีเงื่อนงำ

คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี เด็กนักเรียน จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตด้วยการถูกฆ่าแขวนคอที่กระท่อมกลางทุ่งนาใน จ.ร้อยเอ็ด หลังจากได้รับการปล่อยตัวจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2547 ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายประกาศทำสงครามกับยาเสพติด

ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ และจำเลยที่ 6 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนจำเลยที่ 4 ศาลยกฟ้อง

ต่อมาวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำเลยที่ 2 เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และพิพากษากลับลงโทษจำเลยที่ 4 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 6 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม 

ทวนความจำก่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา : 14 ปีคดีตำรวจฆาตกรรมนายเกียรติศักดิ์ ในช่วงสงครามยาเสพติด